กสศ.เตรียมขยายทุนช่วยเด็กอนุบาลยากจน 1.5 แสนคน หากแปรญัตติเพิ่มงบฯได้
กสศ. เผย ไทย มีเด็กนอกระบบก่อนวัยเรียน ราวร้อยละ 10 เตรียมขยายทุนเสมอภาคช่วยเหลือเด็กอนุบาลในครอบครัวยากจน 1.5 แสนคน ปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่ต้นทาง หากแปรญัตติเพิ่มงบประมาณที่ถูกตัดลดได้
วันที่ 6 ธ.ค. ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า จากข้อมูลการวิเคราะห์ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบว่า เด็กปฐมวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนวัยเรียน (3-5 ปี) เป็นช่วงที่สำคัญอย่างมาก ส่งผลต่อแนวโน้มสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของประเทศ เนื่องจากปัจจุบันเด็กนอกระบบการศึกษาในช่วงก่อนวัยเรียนยังมีสัดส่วนสูงราว ร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับประชากรวัยเดียวกัน ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจข้อเท็จจริงและรับฟังความคิดเห็นใน 4 ภูมิภาคพบว่า ครอบครัวที่มีฐานะยากจนซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองมีอาชีพรับจ้าง และทำงานอยู่ต่างถิ่น จะนำบุตรหลานเข้าเรียนระดับอนุบาลล่าช้าหรือไม่ได้เข้าเรียน ทำให้เด็กเหล่านี้เสี่ยงต่อการมีพัฒนาการด้านต่างๆ ที่ล่าช้า ไม่ทันเพื่อนตั้งแต่ชั้น ป.1 ซึ่งช่องว่างความเหลื่อมล้ำด้านพัฒนาการนี้หากไม่ได้รับการค้นพบ และแก้ไขได้ทันเวลา จะมีแนวโน้มแย่ลงในอนาคต จนส่งผลต่อผลการเรียน ทักษะการอ่านออกเขียนได้ และความเสี่ยงต่อการหลุดออกจากระบบการศึกษาก่อนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานในที่สุด
ดร.ไกรยส กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว กสศ.และสถาบันวิจัยเพื่อการประเมินและออกแบบนโยบาย (RIPED) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จึงร่วมกันพัฒนาเครื่องมือสํารวจสถานะความพร้อมในการเข้าสู่ระบบการศึกษาของเด็กปฐมวัยหรือ School Readiness Survey (SRS) ระดับจังหวัดขึ้น เพื่อเป็นกระจกสะท้อนสถานการณ์ด้านพัฒนาการและความพร้อมของเด็กปฐมวัยก่อนเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับ (5-6 ปี) ทั้งในแง่ของสถานการณ์ปัญหาเด็กยังไม่เข้าเรียนอนุบาล และระดับพัฒนาการที่สำคัญด้านต่างๆ ของเด็กวัยนี้ ซึ่งข้อมูลจากการสำรวจ SRS จะช่วยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ กำหนดแนวทางผลักดันให้เด็กเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาตั้งแต่ปฐมวัย ตลอดจนสะท้อนผลลัพธ์คุณภาพการเรียนรู้ช่วงปฐมวัยว่าได้เตรียมเด็กให้พร้อมจะก้าวเข้าสู่ประถมศึกษาเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กชายขอบ และกลุ่มเด็กด้อยโอกาสทางสังคม เช่น เด็กที่มาจากครอบครัวยากจน
ดร.ไกรยส กล่าวว่า SRS จะเป็นเครื่องมือทางวิชาการและพัฒนาข้อเสนอนโยบายที่ช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยจะปิดช่องว่างปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่ต้นเหตุและต้นทางก่อนที่เด็กจะเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อมีความพร้อมตั้งแต่ปฐมวัยจะช่วยให้เด็กมีทัศนคติเชิงบวกต่อการเรียน มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จทางการศึกษา และพฤติกรรมทางบวกของเด็กในระยะยาว ตัวอย่างการศึกษาในประเทศบราซิล จาเมกา และฟิลิปปินส์ พบว่า 2 ใน 3 ของเด็กที่มีความพร้อมในการเข้าสู่โรงเรียนของเด็กปฐมวัยและได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมการสำรวจนี้
“เด็กปฐมวัยถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐให้จัดการศึกษาระดับก่อนวัยเรียนให้แก่เด็กปฐมวัยอย่างเสมอภาค โดยได้บัญญัติเอาไว้ในมาตรา 54 ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษามีบทบาทสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยในครอบครัวที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพได้จนสำเร็จการศึกษาตามศักยภาพและความถนัดของแต่ละคน โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับการพัฒนาทั้งทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาที่เหมาะสมกับวัย หลักฐานเชิงประจักษ์ที่นำเสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ศาสตราจารย์ James J. Heckman จาก University of Chicago ชี้ให้เห็นว่า การลงทุนในเด็กปฐมวัยเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าให้ผลตอบแทนแก่สังคมดีที่สุด ในระยะยาว 7-12 เท่า ซึ่งนอกจากการใช้เครื่องมือ SRS ใน 5 จังหวัดนำร่องแล้ว ในปีงบประมาณ 2563 คณะกรรมการ กสศ.ได้ขยายผลการดำเนินงานตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ สนับสนุนทุนเสมอภาคที่จะช่วยป้องกันเด็กหลุดออกนอกระบบให้ครอบคลุมนักเรียนยากจนพิเศษระดับชั้นอนุบาลในสังกัด สพฐ. อปท. ตชด. ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด ราว 1.5 แสนคน อย่างไรก็ตามการที่จะสามารถช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ได้หรือไม่นั้น ต้องรอการพิจารณางบประมาณปี 2563 นี้ ว่ากสศ. จะสามารถแปรญัตติเพิ่มงบประมาณในส่วนที่ถูกตัดลดได้หรือไม่” ดร.ไกรยศ กล่าว...
ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษา กสศ. กล่าวว่าจากการเก็บข้อมูลขององค์กร OECD ผ่านทางการทดสอบ PISA ที่ผ่านมาในปี 2018 และ 2015 พบว่าประเทศที่เยาวชนกลุ่มอายุ 15 ปี สามารถทำคะแนนได้ด